Seaweed-based Packaging ทางออกใหม่เพื่อโลกที่ยั่งยืน

เรื่องโดย ดร.ทัศชา ทรัพย์มีชัย

ปัญหามลพิษจากพลาสติกกลายเป็นวิกฤตระดับโลก โดยเฉพาะ พลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้ง (Single-use plastic) ที่สะสมในสิ่งแวดล้อมและมหาสมุทร ปัจจุบันจึงมีการเร่งพัฒนาพลาสติกชีวภาพ (Bioplastic) ที่ผลิตจากทรัพยากรหมุนเวียน เช่น ข้าวโพด มันสำปะหลัง หรืออ้อย อย่างไรก็ตาม พืชเหล่านี้นอกจากเป็นวัตถุดิบในการผลิตพลาสติกชีวภาพแล้ว ยังเป็นอาหารสำหรับมนุษย์และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ด้วย ทำให้เกิดข้อกังวลเรื่องการแข่งขันกับความมั่นคงทางอาหาร

หนึ่งในแนวทางใหม่ที่ได้รับความสนใจคือ การใช้ “สาหร่าย” (Algae) เป็นวัตถุดิบในการผลิตพลาสติกชีวภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บรรจุภัณฑ์จากสาหร่าย (Seaweed-based Packaging) ที่กำลังได้รับความสนใจอย่างมากในฐานะวัสดุทางเลือกที่มีศักยภาพสูง ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นทั้งการย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ ปลอดภัยต่อสิ่งมีชีวิต ทั้งยังสามารถเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็ว สาหร่ายจึงเป็นวัตถุดิบที่น่าจับตามองและมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ไปสู่ความยั่งยืน บทความนี้จะพาทุกท่านไปสำรวจศักยภาพของบรรจุภัณฑ์จากสาหร่าย ตั้งแต่คุณสมบัติ ประเภท การนำไปใช้งาน ข้อดี ข้อจำกัด ไปจนถึงทิศทางในอนาคต เพื่อทำความเข้าใจว่าทำไมสาหร่ายจึงเป็นคำตอบที่โลกกำลังรอคอย

สาหร่าย: วัตถุดิบมหัศจรรย์จากท้องทะเล

สาหร่ายทะเล (Seaweed) เป็น พืชน้ำที่มีหลากหลายชนิดทั้งขนาดเล็กและใหญ่ กระจายทั่วไปในมหาสมุทรทั่วโลก สาหร่ายเป็นสิ่งมีชีวิตที่เติบโตอย่างรวดเร็วโดยไม่จำเป็นต้องใช้พื้นที่เพาะปลูกบนบก ไม่ต้องใช้น้ำจืดหรือปุ๋ยเคมี ทำให้เป็นทรัพยากรหมุนเวียนที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง นอกจากนี้ สาหร่ายยังมีคุณสมบัติทางเคมีที่น่าสนใจหลายประการ เช่น การมีสารโพลีแซคคาไรด์ (Polysaccharides) เป็นองค์ประกอบหลัก ซึ่งสามารถนำมาสกัดและแปรรูปเป็นวัสดุคล้ายพลาสติกได้

สำหรับประเทศไทย ซึ่งมีพื้นที่ชายฝั่งทะเลที่อุดมสมบูรณ์และมีศักยภาพในการเพาะเลี้ยงสาหร่ายเชิงพาณิชย์ เช่น สาหร่ายผักกาด (Ulva Lactuca) สาหร่ายพวงองุ่น (Caulerpa Lentillifera) และสาหร่ายสีแดงบางชนิด การใช้สาหร่ายในท้องถิ่นมาพัฒนาเป็นบรรจุภัณฑ์จึงเป็นโอกาสที่ดีในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับทรัพยากรทางทะเลของประเทศและส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียนในชุมชนชายฝั่ง

คุณสมบัติเด่นของบรรจุภัณฑ์จากสาหร่าย

บรรจุภัณฑ์จากสาหร่ายมีคุณสมบัติที่ทำให้เป็นทางเลือกที่น่าสนใจเมื่อเทียบกับพลาสติกทั่วไป ได้แก่

  • ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ (Biodegradable): เป็นคุณสมบัติที่สำคัญที่สุด บรรจุภัณฑ์จากสาหร่ายสามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติในเวลาอันสั้น ทั้งในดินและในน้ำ โดยไม่ทิ้งสารตกค้างที่เป็นอันตราย
  • เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Environmentally Friendly): เพราะใช้พลังงานน้อยกว่าในการผลิตเมื่อเทียบกับพลาสติกทั่วไป และไม่มีการปล่อยสารพิษในกระบวนการผลิตหรือการย่อยสลาย
  • กินได้ (Edible): บรรจุภัณฑ์จากสาหร่ายในบางรูปแบบสามารถรับประทานได้ ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ช่วยลดขยะได้อย่างสมบูรณ์แบบ
  • ปราศจากสารเคมีอันตราย (Non-toxic): ไม่มีการใช้สารเคมีที่เป็นอันตรายในการผลิต ทำให้ปลอดภัยต่อผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม
  • ป้องกันการซึมผ่านของสารต่างๆ (Good Barrier Properties): สามารถป้องกันออกซิเจนและความชื้น จึงช่วยให้สินค้าคงความสดใหม่หรือคุณภาพไว้ได้นาน ขึ้นอยู่กับชนิดของสาหร่ายและกรรมวิธีในการผลิต

กระบวนการผลิตและประเภทของบรรจุภัณฑ์จากสาหร่าย

การผลิตบรรจุภัณฑ์จากสาหร่ายโดยทั่วไปเกี่ยวข้องกับการสกัดสารพอลิแซ็กคาไรด์ เช่น แอลจิเนต (Alginate) จากสาหร่ายสีน้ำตาล หรือคาราจีแนน (Carrageenan) จากสาหร่ายสีแดง โดยโมเลกุลของสารสกัดเหล่านี้สามารถจับกันจนเกิดเป็นโครงสร้างคล้ายตาข่าย ซึ่งมีความแข็งแรงต่อการนำไปขึ้นรูปเป็นแผ่นฟิล์มสำหรับผลิตเป็นบรรจุภัณฑ์

ขั้นตอนโดยทั่วไป:

  1. สาหร่ายจะถูกเก็บเกี่ยวและนำมาล้างทำความสะอาดเพื่อกำจัดสิ่งสกปรกและเกลือ
  2. นำไปสกัดเพื่อแยกสารสำคัญออกมา เช่น แอลจิเนต หรือ คาราจีแนน
  3. สารสกัดที่ได้จะถูกนำไปผสมกับสารเติมแต่งอื่นๆ เช่น กลีเซอรอลเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่น และนำไปขึ้นรูปเป็นแผ่นฟิล์ม เม็ดบีดส์ หรือภาชนะต่างๆ ด้วยวิธีการทางอุตสาหกรรม เช่น การหล่อแบบ (Casting) หรือการอัดรีด (Extrusion)
  4. วัสดุที่ขึ้นรูปแล้วจะถูกนำไปอบแห้งและตัดแต่งให้เป็นผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์สำเร็จรูป

ประเภทของบรรจุภัณฑ์จากสาหร่าย:

  • ฟิล์มและแผ่นชีวภาพ (Bioplastics Films and Sheets): เป็นรูปแบบที่พบบ่อยที่สุด ใช้สำหรับห่อหุ้มอาหาร หรือทำเป็นถุง บรรจุภัณฑ์ชนิดอ่อน (Flexible Packaging) เช่น ฟิล์มที่พัฒนาโดย Notpla หรือ Loliware
  • ภาชนะและบรรจุภัณฑ์แข็ง (Rigid Containers): สามารถขึ้นรูปเป็นถ้วย กล่อง หรือภาชนะอื่นๆ สำหรับใส่อาหาร เครื่องดื่ม หรือผลิตภัณฑ์อื่นๆ
  • แคปซูลและเม็ดบีดส์ที่กินได้ (Edible Capsules and Beads): เช่น แคปซูลใส่น้ำดื่มที่กินได้ (Ooho Pods) ซึ่งเป็นนวัตกรรมของ Skipping Rocks Lab ที่ใช้แอลจิเนตเป็นส่วนประกอบหลัก

การประยุกต์ใช้งานในอุตสาหกรรมต่างๆ

บรรจุภัณฑ์จากสาหร่ายมีศักยภาพในการนำไปใช้งานได้หลากหลาย ตั้งแต่อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ไปจนถึงเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคล

อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม:

  • ฟิล์มห่ออาหาร: ใช้ห่อหุ้มผัก ผลไม้ หรือขนมปัง เพื่อยืดอายุการเก็บรักษาและลดขยะพลาสติก
  • แคปซูลเครื่องดื่ม/ซอส: เช่น Ooho Pods สำหรับใส่น้ำดื่ม เครื่องดื่มเกลือแร่ หรือซอสต่างๆ
  • ถาดรองอาหาร/กล่องบรรจุภัณฑ์: สำหรับอาหารสำเร็จรูป หรือผลิตภัณฑ์เบเกอรี่

อุตสาหกรรมเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคล:

  • บรรจุภัณฑ์สำหรับแชมพู สบู่ หรือโลชั่น: สามารถทำเป็นซองหรือแคปซูลที่ย่อยสลายได้หมด
  • ภาชนะสำหรับมาสก์หน้าแบบซอง: แทนการใช้พลาสติกที่ไม่ย่อยสลาย

การใช้งานอื่นๆ:

  • วัสดุเติมแต่งสำหรับบรรจุภัณฑ์ทั่วไป: ใช้ผสมกับวัสดุอื่นเพื่อเพิ่มคุณสมบัติการย่อยสลาย
  • ฟิล์มคลุมดินเพื่อการเกษตร: ช่วยรักษาความชื้นและย่อยสลายได้เอง

กรณีศึกษา: แบรนด์และนวัตกรรมที่น่าสนใจ

มีหลายบริษัทและสตาร์ตอัปทั่วโลกที่กำลังพัฒนาและนำบรรจุภัณฑ์จากสาหร่ายมาใช้งานจริง:

  • Notpla (เดิมชื่อ Skipping Rocks Lab): เป็นผู้บุกเบิกในอุตสาหกรรมนี้ ด้วยผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นอย่าง Ooho แคปซูลน้ำดื่มที่กินได้ ทำจากแอลจิเนตจากสาหร่าย นอกจากนี้ยังพัฒนาฟิล์มสำหรับห่อซอส ฟิล์มสำหรับผลิตภัณฑ์ซักผ้า และกระดาษจากสาหร่าย
  • Loliware: บริษัทจากสหรัฐอเมริกาที่พัฒนาถ้วยและหลอดที่กินได้ ทำจากสาหร่ายและพืชอื่นๆ เพื่อใช้เป็นทางเลือกแทนพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง
  • Sway: บริษัทสตาร์ทอัพที่สร้างฟิล์มบรรจุภัณฑ์ที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพและสามารถทำปุ๋ยหมักได้จากสาหร่าย โดยมีเป้าหมายเพื่อทดแทนพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งในตลาดบรรจุภัณฑ์แบบอ่อน
  • Keel Labs: บริษัทที่ใช้สาหร่ายในการสร้างเส้นใยชีวภาพที่ยั่งยืนสำหรับอุตสาหกรรมแฟชั่น ซึ่งสามารถขยายไปสู่การสร้างวัสดุบรรจุภัณฑ์ได้ในอนาคต

ข้อดีและข้อจำกัดของบรรจุภัณฑ์จากสาหร่าย

ข้อดี

  • ความยั่งยืนสูง: สาหร่ายเติบโตเร็ว ไม่ต้องใช้พื้นที่บนบก น้ำจืด หรือปุ๋ยเคมี
  • ลดการปนเปื้อนพลาสติก: ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ ไม่ก่อให้เกิดไมโครพลาสติก
  • ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์: กระบวนการผลิตมีคาร์บอนฟุตพริ้นท์ต่ำกว่าพลาสติกทั่วไป
  • มีความหลากหลายในการใช้งาน: สามารถปรับเปลี่ยนคุณสมบัติให้เหมาะกับการใช้งานที่แตกต่างกันได้
  • ความปลอดภัยสูง: ปลอดภัยต่อการบริโภคในบางรูปแบบ และไม่มีสารพิษ

ข้อจำกัด

  • ต้นทุนการผลิตสูง: ปัจจุบันต้นทุนการผลิตยังสูงกว่าพลาสติกทั่วไป เนื่องจากเป็นเทคโนโลยีใหม่และยังไม่แพร่หลายเท่าที่ควร
  • ประสิทธิภาพการป้องกัน: ความสามารถในการป้องกันก๊าซและความชื้นยังต้องได้รับการปรับปรุงสำหรับบางการใช้งานที่ต้องการประสิทธิภาพสูง
  • ความทนทานและความแข็งแรง: ในบางกรณี บรรจุภัณฑ์จากสาหร่ายอาจยังไม่ทนทานเท่าพลาสติก ทำให้ไม่เหมาะกับการบรรจุผลิตภัณฑ์บางประเภทหรือการขนส่งระยะไกล
  • อายุการเก็บรักษา: อาจมีอายุการเก็บรักษาที่สั้นกว่าพลาสติกทั่วไป ซึ่งเป็นข้อจำกัดสำหรับผลิตภัณฑ์บางชนิด
  • การยอมรับของผู้บริโภค: ผู้บริโภคยังต้องการความรู้ความเข้าใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับวัสดุใหม่นี้

ทิศทางและอนาคตของบรรจุภัณฑ์จากสาหร่าย

แม้จะมีข้อจำกัดบางประการ แต่บรรจุภัณฑ์จากสาหร่ายก็มีแนวโน้มการเติบโตที่สดใสในอนาคต การวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่องจะช่วยแก้ปัญหาด้านต้นทุนและประสิทธิภาพการทำงานให้ดีขึ้น

  • การวิจัยและพัฒนาวัสดุ: การศึกษาเพื่อปรับปรุงคุณสมบัติของฟิล์มสาหร่ายให้มีความแข็งแรง ทนทานและป้องกันได้ดีขึ้น โดยการปรับสูตรหรือผสมกับวัสดุชีวภาพอื่นๆ
  • การขยายขนาดการผลิต: เมื่อเทคโนโลยีการผลิตก้าวหน้าขึ้นและมีอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น ต้นทุนการผลิตจะต่ำลง ทำให้สามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น
  • นโยบายและกฎระเบียบ: รัฐบาลและองค์กรระหว่างประเทศมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนและออกนโยบายที่เอื้อต่อการใช้บรรจุภัณฑ์ยั่งยืน ซึ่งจะช่วยเร่งการเปลี่ยนผ่านจากพลาสติกไปสู่วัสดุทางเลือก
  • ความร่วมมือในอุตสาหกรรม: การสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างนักวิจัย ผู้ผลิต และผู้บริโภค จะช่วยขับเคลื่อนนวัตกรรมและการนำไปใช้งานจริงได้อย่างรวดเร็ว
  • การศึกษาและสร้างความตระหนัก: การให้ความรู้แก่ผู้บริโภคเกี่ยวกับประโยชน์และวิธีการจัดการบรรจุภัณฑ์จากสาหร่าย จะช่วยเพิ่มการยอมรับและส่งเสริมการใช้งาน

 

บรรจุภัณฑ์จากสาหร่ายเป็นนวัตกรรมที่โดดเด่นและมีศักยภาพสูงในการเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหามลพิษจากพลาสติก ด้วยคุณสมบัติการย่อยสลายได้ทางชีวภาพ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและความสามารถในการเพาะปลูกที่ยั่งยืน ทำให้สาหร่ายเป็นวัตถุดิบที่น่าจับตามองในอนาคต แม้ว่าจะมีข้อจำกัดด้านต้นทุนและประสิทธิภาพบางประการ แต่ด้วยการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ความร่วมมือจากทุกภาคส่วนและการสนับสนุนจากนโยบายที่เกี่ยวข้อง เราจะเห็นบรรจุภัณฑ์จากสาหร่ายเข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันของเรามากขึ้นและนำไปสู่โลกที่สะอาดและยั่งยืนยิ่งขึ้นต่อไป

แหล่งข้อมูล
[1] Smith, J. (2022). The Rise of Seaweed Packaging: A Sustainable Solution. Environmental Science Journal, 15(2), 112-120.

[2] Thompson, R. C., et al. (2009). Our Plastic Age: Oceans of Microplastics. Science, 323(5917), 996-997.

[3] European Commission. (2018). A European Strategy for Plastics in a Circular Economy. COM(2018) 28

[4] Cherry, C., & Roesijadi, G. (2017). Sustainable Seaweed Cultivation. Journal of Marine Biology,

[5] Wang, W., & Chung, I. K. (2016). Extraction and Characterization of Polysaccharides from Marine Algae. Carbohydrate Polymers, 137, 355-364.

[6] กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง. (2565). ศักยภาพการเพาะเลี้ยงสาหร่ายเศรษฐกิจในประเทศไทย.

[7] Singh, S., & Sharma, P. K. (2020). Biodegradable Packaging from Seaweed: A Review. Journal of Food Science and Technology, 57(4), 1195-1206.

[8] Cheung, P. C. K. (2013). Seaweed as a Source of Bioactive Compounds. In Marine Derived Biomaterials (pp. 3-23).

ศูนย์ความเป็นเลิศด้านเทคโนโลยีปิโตรเคมีและวัสดุ
อาคารวิจัยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชั้น 7 ห้อง 705/1
254 ซอยจุฬาฯ 12 ถนนพญาไท แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330
  02 2184141-2
  petromat@chula.ac.th